top of page
Search

การตลาดจากชามก๋วยเตี๋ยว EP.3

สวัสดีครับ คุณผู้อ่านที่น่ารัก วันนี้คอนเทนต์ซีรี่ส์ของเรา ในตอน "การตลาดจากชามก๋วยเตี๋ยว" มาถึงตอนที่ 3 แล้ว สำหรับเรื่องราวในชามก๋วยเตี๋ยววันนี้ ผมยกมาจากร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาเจ้าหนึ่ง ย่านไชน่าทาวน์เยาวราชนั่นเอง เกี่ยวกับการตัดสินใจครั้งใหญ่และครั้งใหม่ ที่ผมว่าคุณๆ น่าจะได้ไอเดียบางอย่างกันอ่ะ

ผมทวนเร็วๆ ตอนที่ 1 ผมชวนคุณนับจำนวนลูกชิ้นในชาม เพื่อให้รู้จักต้นทุนของเรา ชามจากตอนที่ 2 ผมเล่าเกี่ยวกับการตั้งราคาและการคิดราคา

.

ส่วนวันนี้จะชวนคุณมา "ตัดสินใจ" ทางธุรกิจก๋วยเตี๋ยวว่าจะเลือกทางไหนดี ด้วยโจทย์ทางธุรกิจที่ต้นทุนของชามก๋วยเตี๋ยวมันดันเพิ่มขึ้นแบบน่ากลัว จนทำให้ร้านแห่งนี้จะขายก๋วยเตี๋ยวแบบเดิมและราคาเดิมมันไม่ได้แล้ว แต่โจทย์อีกข้อที่โผล่มาในหัวของอาเฮียเจ้าของร้าน คือ ถ้าขึ้นราคาแล้วลูกค้าจะยังมากินอยู่มั้ยหละ? อันนี้เป็นอีกหนึ่งโจทย์ชวนปวดสมองอาเฮียเค้าอ่ะ

.

งั้นมาดูเหตุการณ์ที่กระเทือนสะเทือนธุรกิจอาเฮียเค้ากันสักหน่อยก่อน มีอยู่ 3 ข้อ ได้แก่

.

อย่างแรกอาเฮียคิดบวกลบคูณหารต้นทุนตัวเองใหม่ก่อน ปกติขายชามละ 40 บาท ใส่ลูกชิ้น 7 ลูก ถ้าจะยังใส่ลูกชิ้นเท่าเดิมเป๊ะเลย ไม่ลดเครื่อง ไม่ลดเส้น ไม่ลดผัก ราคาจะขยับขึ้นจาก 40 บาท เป็น 45 บาทนั่นเอง

.

อย่างที่ 2 อาเฮียเค้ามีความขี้เกียจในการมาแบ่งเมนูและแบ่งราคาตามประเภทเส้นก๋วยเตี๋ยว เช่น ก๋วยเตี๋ยวน้ำใส 45 บาท เย็นตาโฟ 50 บาท อะไรแนวๆ นี้ เค้าต้องการราคาเดียวเท่ากันทั้งร้านแบบที่เป็นอยู่ในตอนนี้

.

และอย่างที่ 3 ด้วยเวลาที่มีอยู่จำกัด เฮียต้องรีบตัดสินใจให้เร็วที่สุดภายใน 1 เดือนว่าจะเอาไงดีเนี่ย

.

ปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ มาดูวิธีคลายฉงนที่อาเฮียคนนี้ทำกันนะครับ

.

เฮียเค้าไปเขียนกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมา และไปถ่ายเอกสารเอามาแปะทุกโต๊ะของร้าน ด้วยข้อความประมาณนี้...

.

"ร้านเรากำลังจะต้องขึ้นราคา แต่เฮียไม่รู้จะทำยังไง วอนลูกค้าที่กินก๋วยเตี๋ยวร้านเฮียตอนนี้ ช่วยเลือกหน่อยว่าทำไงดี โดยถ้าเลือกข้อไหนแล้วให้เดินมาบอกเฮียก่อนออกจากร้าน

ข้อ 1 อยากให้ขึ้นราคาอีก 5 บาท และของในชามปริมาณเดิมเหมือนตอนนี้ที่พวกลื้อกินกันอยู่

ข้อ 2 อยากให้ขายราคาเดิม 40 บาท แต่ลูกชิ้นจะหายไปลูกหนึ่ง ผักลดลงหน่อย เส้นหายไปหน่อย" (ผมจำคำเป๊ะๆ ไม่ได้นะ แต่เนื้อความน่าจะประมาณนี้)

.

สิ่งที่เกิดขึ้นจริง ไม่มีใครเดินไปบอกเฮียแบบนั้นหรอกครับ เพราะบางคนอาจจะไม่กล้า หรือไม่รู้จะบอกดีมั้ยหนอ ถ้าบอกไปไม่ตรงใจเฮีย เฮียจะเอากระบวยลวกเส้นมาฟาดหน้าป่าว เมื่อเฮียไม่ได้ feedback จากลูกค้า เฮียเลยเปลี่ยนวิธีใหม่ จากที่ต้องเดินไปบอกเฮีย เปลี่ยนมาเป็นเขียนเลขในกระดาษ แล้วใส่ในตระกร้าหน้าร้านแทน พอทำวิธีนี้ จำนวนกระดาษจากลูกค้าก็มีมากขึ้น

.

สรุปสุดท้ายผลโหวตจากเหล่าลูกค้าเลือกข้อ 1 ให้ขึ้นราคาได้ เฮียก็ขึ้นราคาตามที่ลูกค้าเขียนในกระดาษให้ จาก 40 บาท เป็น 45 บาท แต่พอไปกินหลังจากช่วงขึ้นราคาแล้ว คนก็ยังเยอะเช่นเดิมนะครับ

.

สิ่งที่แอบซ่อนอยู่ในชามก๋วยเตี๋ยวตอนวันนี้ คือ เทคนิคที่เฮียคนนี้เค้าใช้ในการฟังลูกค้า (listening) แม้ว่าจะไม่ใช่การเอาหูไปแนบตรงริมฝีปากของลูกค้า แต่เทคนิคการให้ลูกค้าเขียนใส่กระดาษ ก็เป็นการฟังลูกค้าอีกแบบหนึ่งนั่นเอง

.

แล้วตัวคุณล่ะครับ...

  1. เคยได้ฟังเสียงของลูกค้ากันบ้างหรือเปล่า

  2. ได้ยินอะไรมาบ้างจากเสียงของลูกค้าบอก

  3. ปรับเปลี่ยนอะไรบ้างตามเสียงของลูกค้า

หวังว่าตัวอย่างนี้ จะทำให้คุณได้เข้าใจมากยิ่งขึ้นว่า การฟังเสียงของลูกค้ามันสำคัญแค่ไหนนะครับ แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้าครับ

.

ใครที่ยังไม่ได้อ่าน Episode ตอนก่อนหน้านี้

👉 EP.1 คลิกตรงนี้เลย

👉 EP.2 คลิกตรงนี้จ้า

32 views

Comments


Post: Blog2_Post
bottom of page