ได้อ่านหนังสือ "วันที่เหมาะกับขนมปัง ซุปและแมว" ของสำนักพิมพ์แซนวิชในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หนังสือมี 10 ตอนย่อย ประมาณ 184 หน้า เอาเป็นว่าขอไม่สปอยเล่าหมดเล่มนะ และมุมมองที่ผมจะเล่า ไม่ใช่มุมแบบหนังสือทั้งหมด เพราะจะเอามาตะแคงมุมคิดที่เกี่ยวกับการตลาดนั่นเอง
.
.
ก่อนอื่นมาเข้าเนื้อเรื่องแบบคร่าวๆ กันก่อน
.
เรื่องนี้เป็นเรื่องแปลจากญี่ปุ่น ที่มีตัวละครหลักชื่อว่า คุณอากิโกะ ที่มาเปิดร้านอาหารเล็กๆ ของตัวเองในวัย 50 ปี ที่หลายคนอาจจะวัยนี้ว่า เริ่มแก่ แก่แล้ว เตรียมเกษียณ ว่าที่วัยทอง หรืออะไรก็ตามแต่แล้วแต่จะนิยามเรียกกันไป ในเล่มจะเล่าวิธีคิด มุมมองการคิดและคำถามที่เกิดขึ้นจากผู้หญิงคนนี้ในสถานการณ์ต่างๆ ในช่วงชีวิตของเธอ เอาเป็นว่าเล่าแค่นี้พอดีกว่า
.
แล้วในมุมมองนักการตลาด ถ้าอ่านหนังสือเล่มนี้ จะมีคำถามอะไรเกิดขึ้น หรือมีเรื่องน่าคิดอะไรบ้าง ผมขอสรุปมาให้เป็นข้อคำถาม เพื่อมาชวนคุณได้คิดกันตามนี้เลยครับ
.
ข้อ 1 คุณเคยได้ยินคำว่า ธุรกิจครอบครัว (Family Business) กันบ้างมั้ย แล้วคุณคิดว่าในฐานะคุณเป็นรุ่นถัดมาของครอบครัว คุณจะเลือกอะไร ระหว่าง
เดินตามทางธุรกิจแบบเดิมเป๊ะจากคนรุ่นก่อน หรือ
เดินตามทางแบบใหม่ที่คุณอยากทำที่ต่างออกไป หรือ
ปิดกิจการนี้มันไปเลย ถือว่าปิดตัวอย่างสงบนั่นเอง
.
ข้อ 2 ถ้าคุณจะเปิดร้านอาหาร หรือธุรกิจอะไรสักอย่างในย่านการค้า ที่มีคนเดินเยอะบ้างน้อยบ้างสลับกันไปมาแล้วแต่วัน คุณจะเลือกอะไร ระหว่าง
ร้านอื่นเค้าขายอะไรก็ขายตามๆ กันไปแหละ หรือ
เปิดร้านที่คล้ายๆ กัน แต่สร้างจุดต่างให้เด่น หรือ
เปิดร้านไอเดียเริ่ดเจิดจรัส ที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน
.
ข้อ 3 หากว่าร้านของคุณเป็นร้านใหม่ จะต้องตั้งราคาขายอาหาร 1 ชุด (แบบประมาณกินพออิ่ม ไม่ใช่อิ่มจนจุกนะ) คุณจะเลือกตั้งราคาแบบไหน ระหว่าง
ตั้งราคาตามใจที่ตัวเราอยากจะขาย หรือ
ตั้งราคาตามให้ใกล้เคียงร้านรอบๆ ของเรา หรือ
ตั้งราคาตามคอนเซ็ปของร้านเรา
.
ข้อ 4 ในยุคแบบนี้มีโอกาสที่คนจะมารีวิวร้านของเรา แล้วเอาไปบอกต่อปากต่อปาก หรือไปโพสต์ลงโซเชียลต่างๆ เมื่อพอคุณได้ไปอ่านคำชม คำติสารพัดบนโซเชียลแล้ว คุณจะทำอะไร ระหว่าง
อ่านแล้วเอามาปรับร้านดีขึ้นจากทุกคอมเมนต์ หรือ
อ่านแล้วเอามาปรับร้านดีขึ้นจากบางคอมเมนต์ หรือ
อ่านจบก็จบกันไป ก็ร้านของฉันคอนเซ็ปแบบนี้นะ
.
ข้อ 5 ตอนนี้ร้านคุณขายดีมาก จนคุณมีความคิดว่าอยากจะขยายร้าน เพราะคนมายืนต่อแถวหน้าร้านแบบยาวเหยียด ขายไม่ทัน จนบางวันลูกค้าบางคนก็อดใช้บริการด้วย กลายเป็นว่าคนเดินผ่านไปผ่านมามองกันไม่คลาดสายตาเลย คุณจะตัดสินในเรื่องการขยับขยายร้านของคุณยังไงดี
ทำเหมือนเดิมทุกอย่าง ไม่มีการปรับอะไรทั้งสิ้น หรือ
ขยายร้านทันที รีบไปเช่าห้องแถวข้างๆ เพื่อขยาย หรือ
ตัดสินใจไปเปิดสาขาอีกแห่งที่อยู่โซนอื่นๆ
.
บทสรุปของคำถามทั้ง 5 ข้อที่ผมอยากบอก คือ ผมไม่มีคำตอบที่ถูกต้องที่สุดให้ แต่ผมมีคำตอบที่ถูกใจอยู่ สิ่งที่สำคัญกว่าการหาคำตอบที่ถูกต้องหรือถูกใจ มันก็คือการตัดสินใจครับ เมื่อคุณตัดสินใจลงไปแล้ว คุณได้เคารพการตัดสินใจของคุณหรือเปล่า และยอมรับกับผลที่จะเกิดขึ้นจากการตัดสินใจครั้งนี้ได้แค่ไหน
.
เคยลองถามตัวเองกันบ้างมั้ย เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เอามาสอนกันในมุมธุรกิจอย่างเดียว เรื่องการใช้ชีวิตก็ใช้ได้นะครับ ฝากกันไว้นะครับ และขอส่งท้ายด้วย hashtag จากหน้าปกของหนังสือเล่มนี้ ที่เขียนไว้ว่า...
#การที่มีคนหัวเราะเรื่องไม่เป็นเรื่องไปด้วยกันได้นั้นคือความสุข
Commentaires